วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2559

การแก้ปัญหาเจตคติของนักเรียนในการเรียนรู้คณิตศาสตร์

การแก้ปัญหาเจตคติของนักเรียนในการเรียนรู้คณิตศาสตร์

นางพรรณี  อุ่นละม้าย รหัส 5751751603301
ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาคณิตศาสตรศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

บทนำ
          จากประสบการณ์ของผู้เขียนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เลือกเรียนสาขาภาษาอังกฤษ-ภาษาจีน พบว่า สาเหตุส่วนใหญ่ที่นักเรียนเลือกเรียนสาขานี้ก็เนื่องด้วย นักเรียนไม่ต้องการที่จะเรียนคณิตศาสตร์ หรือถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ คือ ขอไม่คบค้าสมาคมกับวิชาคณิตศาสตร์โดยเด็ดขาด  และเมื่อนักเรียนสาขานี้ต้องมาเรียนคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่นักเรียนเหล่านั้นไม่ต้องการจะเรียน จึงเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะทำให้การจัดการเรียนการสอนให้ประสบผลสำเร็จ ไม่ว่าเราจะพร่ำสอนให้นักเรียนฟังทุกวันว่า “คณิตศาสตร์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการศึกษาต่อในอนาคตและการดำรงชีวิต” มันก็ไม่ได้ช่วยให้นักเรียนเหล่านั้นรู้สึกอยากเรียนคณิตศาสตร์มากขึ้น เพราะนักเรียนยังไม่ได้รู้สึกดีกับการเรียนคณิตศาสตร์ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ตรงที่ว่า เราจะจัดการอย่างไรเพื่อให้นักเรียนสาขานี้หันกลับมายอมรับที่จะเรียนคณิตศาสตร์ด้วยความเต็มใจต่างหาก บทความนี้ ผู้เขียนจึงต้องการนำเสนอแนวคิดที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวเบื้องต้นโดยการนำเทคโนโลยีหรือสื่อต่างๆ ที่จะช่วยกระตุ้นให้นักเรียนสนใจเรียนมากขึ้น

เนื้อหา
          “ยาก น่าเบื่อ คิดซับซ้อนเกินกว่าที่จะทำได้” เป็นความคิดเห็นส่วนใหญ่ของภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในวิชาคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สาขาภาษาอังกฤษ-ภาษาจีนที่มีผลมาจากการที่ผู้เขียนได้ทำการสอบถามนักเรียนสาขานี้ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 1 ซึ่งผลที่ได้ก็สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้เขียนได้ประสบมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ผ่านมา จนในที่สุดผู้เขียนรู้สึกว่า     มันน่าจะมีวิธีการหรือแนวทางในการที่จะทำให้นักเรียนรู้สึกว่า วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่สามารถเรียนรู้ได้ คิดได้ มีวิธีการที่หาผลลัพธ์โดยการใช้หลักของเหตุและผลในการเรียน ซึ่งไม่ยากเกินกว่าที่จะทำได้ ซึ่งถ้านักเรียนรู้สึกดีกับวิชาคณิตศาสตร์แล้ว นักเรียนน่าจะอยากเรียนรู้มากขึ้นและเรียนรู้ด้วยความเต็มใจ สอดคล้องกับคำกล่าวของ Maslow (อ้างใน พรรณี ช.เจนจิต.2538 : 438 -439) ได้เสนอแนวความคิดใหม่ เรียกว่า Third Force Psychology ซึ่งมีความเชื่อพื้นฐานว่า ถ้าให้อิสรภาพแก่เด็ก เด็กจะเลือกสิ่งที่ดีสำหรับตนเอง พ่อแม่และครูได้รับการกระตุ้นให้มีความไว้วางใจในตัวเด็กและควรเปิดโอกาสและช่วยให้เด็กเจริญเติบโตต่อไป ไม่ใช่ใช้วิธีการควบคุมและบงการชีวิตของเด็กทั้งหมด เพื่อให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ เมื่อคิดได้ดังนั้น ผู้เขียนจึงพยายามหาวิธีและยุทธวิธีต่างๆ เพื่อที่จะแก้ปัญหาในเรื่องนี้ คือทำอย่างไรก็ได้ให้นักเรียนสาขานี้กลับมาเรียนคณิตศาสตร์ด้วยความเต็มใจ แต่เพื่อให้ผู้เขียนได้รับความรู้และแนวคิดที่ถูกต้องในการที่จะชักจูงให้นักเรียนหันกลับมาเรียนคณิตศาสตร์ด้วยความเต็มใจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ต่อไปอย่างยั่งยืน ผู้เขียนจึงเริ่มลงมือศึกษาหาความรู้ที่เป็นแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับเจตคติและทฤษฎีการเรียนรู้ดังนี้
1. แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์
เจตคติ หมายถึง ท่าทีของบุคคลและความรู้สึกที่แสดงออกต่อสิ่งที่ได้รับมาจากประสบการณ์ และแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่ได้รับนั้น อาจจะโน้มเอียงไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งอาจจะเป็นด้านที่ดีหรือไม่ดีก็ได้
          เจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ หมายถึง ความรู้สึกหรือความคิดเห็นต่อวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งวัดได้จากแบบสอบถาม (ยุพิน พิพิธกุล. 2527: 13 ;พรรณี ช.เจนจิต. 2528: 543 ;พวงรัตน์ ทวีรัตน์. 2540: 108)
          องค์ประกอบของเจตคติแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1.  องค์ประกอบทางด้านความรู้ ความคิด ความเข้าใจ
2.  องค์ประกอบทางด้านความรู้สึก
3.  องค์ประกอบด้านพฤติกรรมที่กระทำหรือปฏิบัติ
          องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนดังกล่าว มีความสัมพันธ์กัน คือ องค์ประกอบด้านความรู้ ความคิด ความเข้าใจเป็นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของบุคคลที่อาจจะแสดงความรู้สึกออกมาในรูปพอใจ ไม่พอใจ ชอบ ไม่ชอบ ฯลฯ ซึ่งความรู้สึกก็จะมีผลต่อการแสดงออกของบุคคลนั้นในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง
2. แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้
1. ทฤษฎีการเรียนรู้ (Theories of Learning)
Operant Conditionning ทฤษฏีนี้ได้เน้นถึงความสำคัญของการเสริมแรงโดย Skinner มีความคิดเห็นว่า การเสริมแรงจะมีส่วนช่วยให้มนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม พฤติกรรมของมนุษย์ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะที่ว่าอัตราการแสดงการกระทำต่าง ๆ มักจะมีการกระทำต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เสมอ ๆ พฤติกรรมใดก็ตามที่ได้เป็นการกระทำต่อสิ่งแวดล้อมในลักษณะที่ว่าเป็นผลของอัตราการตอบสนองซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงได้ เราเรียกสิ่งที่ทำให้อัตราการตอบสนองของผู้เรียนมีการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า ตัวเสริมแรง แต่ถ้าพฤติกรรมใดก็ตามไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว หลักการของทฤษฎีนี้ถือว่า พฤติกรรมนั้นไม่ได้รับการเสริมแรง
ทฤษฎีของ Skinner นี้อาจนำมาใช้ในการวัดพฤติกรรม หรือปลูกฝังพฤติกรรม หรือสร้างลักษณะนิสัยใหม่ ๆ ได้ วิธีการวัดพฤติกรรมนี้จำเป็นจะต้องใช้สิ่งเสริมแรงเข้าช่วยในระยะที่ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมที่จะต้องการปลูกฝัง นั่นคือถ้าผู้เรียนกระทำพฤติกรรมตามที่ต้องการจะให้เกิดพฤติกรรมแล้ว จะต้องรีบให้รางวัลโดยทันที
2. ทฤษฎีความรู้ความเข้าใจ หรือทฤษฎีปัญญา (Cognitive Theories)
          พรรณี ช.เจนจิต (2538:404 406) ได้สรุปแนวคิดของนักจิตวิทยากลุ่มนี้มีความเห็นว่า การศึกษาพฤติกรรมควรเน้นความสำคัญของกระบวนการคิด และการรับรู้ของคน ได้ให้ข้อเสนอแนะว่าคนทุกคนมีธรรมชาติภายในที่ใฝ่ใจใคร่รู้ใคร่เรียน เพื่อก่อให้เกิดสภาพที่สมดุล ดังนั้นการที่เด็กได้มีโอกาสเรียนตามความต้องการ และความสนใจของตน จะเป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับเด็กมากกว่าที่ครูหรือผู้อื่นจะเป็นผู้บอกให้ ซึ่งก็คือ การจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
          3. ทฤษฎีของกลุ่มมนุษยนิยม (Humanisticism)
          กลุ่มมนุษยนิยมจะคำนึงถึงความเป็นคนของคน จะมองธรรมชาติของมนุษย์ในลักษณะที่ว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับความดีที่ติดตัวมาแต่กำเนิด มนุษย์เป็นผู้ที่มีอิสระสามารถที่จะนำตนเอง และพึ่งตนเองได้ เป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่จะทำประโยชน์ให้สังคม มีอิสรเสรีภาพที่จะเลือกทำสิ่งต่าง ๆ ที่จะไม่ทำให้ผู้ใดเดือนร้อน ซึ่งรวมทั้งตนเองด้วย มนุษย์เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ และเป็นผู้สร้างสรรค์สังคม
          Maslow (อ้างใน พรรณีช.เจนจิต.2538 : 438 -439) ได้เสนอแนวความคิดใหม่ เรียกว่า Third Force Psychology ซึ่งมีความเชื่อพื้นฐานว่า ถ้าให้อิสรภาพแก่เด็ก เด็กจะเลือกสิ่งที่ดีสำหรับตนเอง พ่อแม่และครูได้รับการกระตุ้นให้มีความไว้วางใจในตัวเด็กและควรเปิดโอกาสและช่วยให้เด็กเจริญเติบโตต่อไป ไม่ใช่ใช้วิธีการควบคุมและบงการชีวิตของเด็กทั้งหมด เพื่อให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ
          Rogers (อ้างใน พรรณี ช.เจนจิต. 2538 :440-441) ได้เสนอทฤษฎีให้คำปรึกษาแบบ “Client Centered” เมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการจัดการเรียนการสอนแล้วจะออกมาในลักษณะของ ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ และลักษณะของครูจะต้องเป็นผู้ที่มีความเชื่อ มีศรัทธาในความเป็นคนของคน การที่เชื่อและไว้วางใจในความสามารถของบุคคล จะช่วยให้บุคคลนั้น ๆ พัฒนาศักยภาพของตนเองได้ดียิ่งขึ้น ฉะนั้น ครูควรเปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกวิธีการที่จะเรียนเอง
      จากการศึกษาข้างต้นที่กล่าวมา จึงส่งผลให้ผู้เขียนต้องการที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศ ประเภทโปรแกรม GSP และการเล่นเกมมาช่วยในการแก้ปัญหาเจตคติของนักเรียนในการเรียนรู้คณิตศาสตร์
                   
บทสรุป
นอกเหนือจากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว การที่ครูจะชักจูงนักเรียนให้หันกลับมาเรียนคณิตศาสตร์ด้วยความเต็มใจแล้ว ครูยังจะต้องมีลักษณะจริงใจ เป็นคนตรง ไม่แสแสร้ง ในการสร้างสัมพันธภาพจะต้องเป็น    ตัวของตัวเองอย่างจริง ๆ สิ่งสำคัญคือ ครูจะต้องพยายามสื่อให้เด็กรับทราบถึงความรู้สึกนึกคิดที่ดีที่ครูมีต่อตัวเด็กให้ได้ ครูจะต้องให้เกียรตินักเรียนทั้งในแง่ของความรู้สึก และความคิดเห็น สิ่งสำคัญสำหรับเจตคติของการเป็นครู คือ ความสามารถที่จะเข้าใจปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากภายในตัวเด็ก ตลอดจนการให้ความสำคัญถึงกระบวนการของการศึกษาที่จะมีผลต่อตัวเด็กเองด้วย อีกทั้งครูยังต้องมีกลยุทธ์ กระบวนการสอน อุปกรณ์การสอน และเคล็ดลับดีๆที่จะนำเสนอต่อผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในสิ่งที่เรียนมากขึ้น อีกทั้งลบคำเบื่อของนักเรียนด้วย ดังนั้นผู้เขียนจึงต้องการแก้ปัญหาเจตคติของนักเรียนในการเรียนรู้คณิตศาสตร์ด้วยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ ประเภทโปรแกรม GSP และการเล่นเกมมาช่วยในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับนักเรียน


อ้างอิง
พรรณี ช.เจนจิต. (2538).  จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ: ต้นอ้อแกรมมี่.
พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2530). การสร้างและพัฒนาแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์.กรุงเทพฯ : สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร.
ยุพิน พิพิธกุล. (2539). การเรียนการสอนคณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ : บพิธการพิมพ์.
http://www.mc41.com  เวบไซต์การศึกษา เพื่อครูอาจารย์ และลูกหลานไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น